1.ชื่อผลงาน:การประยุกต์ใช้การแพทย์แผนไทยในการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต 2.คำสำคัญ ;การแพทย์แผนไทย;ผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต 3.ความสำคัญ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ความสอดคล้องกับภารกิจรพ.สต. 5 ด้าน สร้างเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรค รักษาโรค ฟื้นฟูสภาพ คุ้มครองผู้บริโภคเน้นการบริการเชิงรุก ทั้งนี้ รพ.สต. ไม่มีเตียงรองรับเพียงพอไม่มีเตียงนอนค้างคืน (ไม่มี IPD) จึงปรับเปลี่ยนบริการเป็น คลินิกบริการที่บ้าน(Home-based care) โดยมองบ้านเป็นส่วนหนึ่งของ คลินิก ของรพ.สต. 4.ประเด็นสำคัญ: ผู้สูงวัย การป่วยด้วยอัมพาต -อัตราป่วยผู้ป่วยสูงวัยกลุ่มอัมพาต : ร้อยละ 0.47 แนวโน้มเพิ่มขึ้น -ต้องได้รับการฟื้นฟูต่อเนื่อง -การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกระทำได้ยาก ขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว ลำบาก เป็นภาระการดูแล -ปล่อยไว้นาน เกิดภาวะแทรกซ้อน และผู้ป่วยจะขาดการดูแล 5.วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษารูปแบบการดูแลรักษาผู้ป่วยสูงวัยด้วยการแพทย์แผนไทย 2. เพื่อพัฒนาระบบการจัดการกระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วยสูงวัยที่ป่วยเป็นโรคอัมพาตโดยผู้ดูแลที่บ้าน(Home-based care) 6.พื้นที่ดำเนินงาน ระยะเวลาการดำเนินงาน : เขตรับผิดชอบ 9 หมู่ ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเนินปอ 7.กลุ่มเป้าหมาย : ประชากร ผู้ป่วยสูงวัยกลุ่มอัมพาต ที่ได้รับการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง(Purposive Sampling) -กลุ่มผู้ป่วยสูงวัยอัมพาต ที่อาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรม โดยความสมัครใจผู้สูงวัยที่สามารถพูดคุยสื่อสารกับผู้วิจัยได้ ญาติพร้อมที่จะเข้าร่วม การเลือกเป็นการเลือกแบบเจาะจง -กลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยสูงวัยกลุ่มตัวอย่าง เกณฑ์การคัดเลือกผู้ยินยอมให้ทำการวิจัย (Criteria) 1. ผู้สูงวัย อายุ 50 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร 2. มีอาการป่วย ด้วยโรคอัมพาตครึ่งซีกโดยเกิดจากความผิดปกติของการไหลเวียนเลือด ลมเพราะเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีโอกาสเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่เร็วกว่าภายในระยะเวลาการวิจัยที่จำกัด โอกาสในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยง่ายกว่า 3. มีผู้ดูแลประจำ (ตลอดเวลา) อย่างน้อย 1 คนและพร้อม ร่วมกิจกรรมการดูแลบำบัด 4.โดยได้รับความยินยอมแบบอาสาสมัครหรือสมัครใจเข้าร่วมโครงการวิจัยทั้งจากตัวผู้ป่วย และญาติ 8.ตัวชี้วัด 1กลุ่มผู้ป่วยสูงวัยอัมพาตที่อาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรม การแพทย์แผนไทยในการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาตมีการเปลี่ยนแปลงอาการร่วมดีขึ้น ร้อยละ 50(จากแบบประเมินก่อนและหลังการเข้ารับบริการการดูแลผู้ป่วยสูงวัยโรคอัมพาต ที่นอนพักรักษาที่บ้าน) 9.วิธีการดำเนินงาน -การศึกษาจากการปฏิบัติงานประจำสู่การทำวิจัย (Routine to Research : R2R)โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปฏิบัติการ(Operation Research)และการวิจัยประเมินผล (Evaluation Research) -เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา -แบบสัมภาษณ์ แบ่งเป็น2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป ส่วนที่ 2 ประเมินภาวะสุขภาพและการดูแลบำบัด - แบบบันทึกผู้ป่วย (OPD Card) - แบบประเมินก่อนและหลังการเข้ารับบริการการดูแลผู้ป่วยสูงวัยโรคอัมพาต ที่นอนพักรักษาทบ้าน -ขั้นตอนและวิธีการศึกษา การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (OperationResearch) 1. สำรวจและกำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยความสมัครใจของผู้ป่วยสูงวัย และญาติ 2. ศึกษาข้อมูลรายบุคคลของอาสาสมัครกลุ่มตัวอย่าง 3. วิเคราะห์ปัญหาสุขภาพกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครเพื่อจัดโปรแกรมการดูแลสุขภาพเฉพาะรายที่เหมาะสม 4. สร้างหลักสูตรการอบรมผู้ดูแลผู้ป่วยสูงวัยโรคอัมพาต การวิจัยเชิงปฏิบัติการ(Operation Research) 5. ทำตารางเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอจัดโปรแกรมที่จะไปตรวจรักษา ที่บ้านโดยกำหนดการออกให้บริการ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ 6. ฝึกทักษะผู้ดูแลผู้สูงวัยโดยการอบรมและเรียนรู้ร่วมกันจากการปฏิบัติจริง (Training & Learningby doing) 7. จัดโปรแกรมบำบัดรักษาปัญหาสุขภาพที่เหมาะสมกับอาสาสมัครกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นการจัดบริการของ รพ.สต.ตำบลเนินปอ -การวิจัยประเมินผล (Evaluation Research) 1. ประชุมทีมฯ รพ.สต. ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อประเมินการทำงานและปัญหาอุปสรรค 2. ประเมินผลการเข้าร่วมโปรแกรมก่อน-หลัง เข้าร่วมกระบวนการดูแลทุก 2 สัปดาห์ จนครบ 20 - 22 สัปดาห์ ประเมินความพึงพอใจ -การประยุกต์ใช้การแพทย์แผนไทยในการดูแลผู้ป่วยอัมพาต พิจารณาจาก 1.ง่ายกว่า 2.ดีกว่า 3.ถูกกว่า -การประยุกต์ใช้การแพทย์แผนไทยในการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน -แนวคิดการดูแลรักษาผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตบนพื้นฐานHome - based Care 1.ระบบรากฐานทางสังคมวัฒนธรรมไทย 2.ระบบศาสนา 3.ระบบภาครัฐให้การดูแล -เกณฑ์การคัดเลือกผู้ป่วยเข้ารับการบำบัด 1. กลุ่มผู้ป่วยอัมพาตที่มีความเชื่อมั่นและศรัทธาการรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยที่อาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมโดยความสมัครใจสามารถพูดคุยสื่อสารได้พอสมควร ญาติพร้อมที่จะเข้าร่วม 2. กลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยสูงวัย 3. มีอาการหรือสภาวะความเจ็บป่วยด้วยโรคอัมพาตโดยเกิดจากความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดลมจะเห็นผลง่ายกว่า 4.มีผู้ดูแลประจำ (ตลอดเวลา) อย่างน้อย 1 คนและพร้อมร่วมกิจกรรมการดูแลบำบัดให้ความร่วมมือด้านอื่นๆที่จะส่งเสริมให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น -Model development for Home-based Care
-กระบวนการขับเคลื่อน -ระบบบริหารจัดการ -การพัฒนาหลักสูตร วัน | | | | วันที่ 1 | ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคอัมพาต | สาเหตุการเกิดโรค อาการ การรักษา การดูแลบำบัด | | | ภาวะแทรกซ้อน และการป้องกัน | แผลกดทับ การเปลี่ยนแปลงของข้อต่อต่างๆ (ข้อหลุด ข้อติด) การเปลี่ยนแปลงของระบบกล้ามเนื้อ (ลีบ แข็ง เกร็ง กระตุก) ภาวะแทรกซ้อนตามชนิดโรคของผู้ป่วย | | | | สาเหตุและการป้องกันความเครียดจากสภาวะโรค ความหึงหวง การป้องกันการฆ่าตัวตาย แนวทางการให้กำลังใจ | | | | การเลือกอาหารสมุนไพร งดอาหารแสลง อาหารเฉพาะโรค เช่น อาหารควบคุมโซเดียม ควบคุมน้ำตาล | |
วัน | | | | วันที่ 2 | การดูแลการทำกิจวัตรประจำวัน | การกิน การชำระล้างร่างกาย การขับถ่าย การพักผ่อน | | | | การใช้ยาสมุนไพรอย่างปลอดภัย | สมุนไพรเฉพาะโรค การเลือกใช้ยาสมุนไพรให้ปลอดภัย การเฝ้าระวังสมุนไพรผสมสารต้องห้าม | | | | การประดิษฐ์อุปกรณ์ช่วยฟื้นฟู | การประดิษฐ์อุปกรณ์ช่วยฟื้นฟูที่เหมาะสม ด้วยวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น และลงทุนต่ำ | | | | การบริหารร่างกายเพื่อการฟื้นฟู | การบริหารกล้ามเนื้อ การบริหารข้อต่อ โดยใช้อุปกรณ์ และไม่ใช้อุปกรณ์ | | |
วัน | | | | วันที่ 3 | | หลักการและวิธีการจัดสิ่งแวดล้อมให้มีความสะอาด ความปลอดภัย ต่อผู้ป่วย เอื้อต่อการฟื้นฟูทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ | | | | การนวดในท่านอนหงาย การนวดกระตุ้นกล้ามเนื้อ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูแลกับผู้ป่วย | | | | การนวดในท่านอนหงาย การนวดกระตุ้นกล้ามเนื้อ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูแลกับผู้ป่วย | | | | การนวดในท่านอนตะแครง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูแลกับผู้ป่วย | | วันที่ 4 | | | |
10.ผลลัพธ์ตามตัวชี้วัด -การเปรียบเทียบรูปแบบการดูแลรักษาผู้ป่วยอัมพาต รูปแบบ | | | | | อสม. ประจำละแวก | | ผู้ป่วยไม่ได้รับการวัดความดันฯ ขณะต้องไปรับยา ที่ รพ.สต. ส่งผลทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการปรับยาหากคุมความดันไม่ได้ | มี เพิ่มการดูแลผู้ป่วย Home - based Care | - ช่วยป้อนข้าว ป้อนน้ำ เวลาญาติไม่อยู่ - มีการเปลี่ยนแปลง เช่น การรับยาแทน จะมีการวัดความดันฯ ไปให้เจ้าหน้าที่ สาธารณสุข | | | เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การนอนที่นอนแข็ง นอนกับพื้น ความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้าน | จัดการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ตามบริบทของผู้ป่วยแต่ละราย | - ปรับปรุงเรื่องเตียง - ที่นอน - บริเวณในการฝึกเดิน - การจัดระเบียบภายในบ้าน - พื้นที่การขับถ่าย |
-ติดตามประเมินผล เตียง1-0201601 ผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 53 ปี ผู้ดูแลประจำ คือ สามีและบุตร ระยะเวลาที่ป่วย 1 ปี แบบประเมินหลังการเข้ารับบริการ การดูแลผู้ป่วยสูงวัยที่นอนพักรักษาที่บ้าน กรณีศึกษาผู้สูงวัยในกลุ่มผู้ป่วยอัมพาต | ชื่อ ผู้ป่วย | | | วัน เดือน ปี ประเมิน 8 กันยายน 2559 | รายการประเมิน | | | | | | | 1. อาการเกร็ง, ตึง, กระตุก, ชา, ตะคริว | | มี | X | ไม่มี | | | 2. การใช้มือ (ตักข้าว, หยิบจับของ) | | ไม่ได้ | X | ได้ | | | 3. การนั่ง (ทรงตัว) | | ไม่ได้ | X | ได้ | | | 4. การเคลื่อนที่ในท่านั่ง แนวราบ | | ไม่ได้ | X | ได้ | | | 5. การเคลื่อนที่ในท่านั่ง แนวดิ่ง | | ไม่ได้ | X | ได้ | | | เช่น การขยับลงบันได | | | | | | | 6. การทรงตัวในท่ายืน | | ไม่ได้ | | ได้ โดยมีผู้ช่วยเหลือ | X | ได้เอง | 7. การพูด | | ไม่ได้/ไม่ชัด | | ชัด 2-3 พยางค์ | X | เป็นประโยค | 8. ลักษณะการเดิน | | ไม่ได้ | | ได้ (เดินลากเท้า) | X | ได้ (เดินยกเท้า) | 9. ระยะทางการเดิน ต่อวัน | | ไม่ได้ | | ได้น้อยกว่า 5 เมตร | X | ได้มากกว่า 5 เมตร | | | | | | | |
-ติดตามประเมินผล | | | | | | 1. อาการเกร็ง, ตึง, กระตุก, ชา, ตะคริว | / | / | / | / | / | 2. การใช้มือ (ตักข้าว, หยิบจับของ) | / | / | / | / | / | 3. การนั่ง (ทรงตัว) | X | X | X | X | / | 4. การเคลื่อนที่ในท่านั่ง แนวราบ | X | X | X | X | / | 5. การเคลื่อนที่ในท่านั่ง แนวดิ่ง | / | / | X | X | / | เช่น การขยับลงบันได | | | | | | 6. การทรงตัวในท่ายืน | / | / | X | X | / | 7. การพูด | / | / | X | / | / | 8. ลักษณะการเดิน | / | - | X | / | / | 9. ระยะทางการเดิน ต่อวัน | / | - | X | X | / | ระยะเวลาการป่วย | 1 Y | 1 Y | 8 Y | 4 Y 6 M | 2 M |
-ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอาการร่วม รายการประเมิน (ตัวชี้วัดชุดที่) | | | | 1. อาการเกร็ง, ตึง, กระตุก, ชา, ตะคริว | | | | | | 2. การใช้มือ (ตักข้าว, หยิบจับของ) | | | | | |
-สรุปผลการศึกษา | | | ประเมิน ผู้ป่วย | -มีความทุกข์ทรมานจากภาวะโรค -ไม่ชอบการนวดกลัวเจ็บ | -ดี ลดความทุกข์ทรมาน -ไม่เครียดมีคนมาพูดคุยด้วย -นวดไม่เจ็บ สบาย โล่ง | ประเมิน ญาติ | -ดูแลตามมีตามเกิด -อยู่กับผู้ป่วย บางครั้งเครียด -อยากให้หาย | -ช่วยตัวเองมากขึ้น ลดภาระ -มีเพื่อนคุย ได้ความรู้ |
-การประเมินความพึงพอใจ ผู้ป่วย ก่อนได้รับการดูแลรักษากรณีศึกษาทุกรายให้ข้อมูลที่สอดคล้องกันถึงการมีความทุกข์ทรมานจากภาวะโรคอัมพาตไม่ว่าจะเป็นอาการที่พบได้ทุกราย เช่น อาการเกร็ง กระตุก ชา ตะคริว หรืออาการอื่นๆ เฉพาะบางราย เช่นปัญหาการใช้มือตักข้าว หยิบจับของ การเคลื่อนที่ในท่านั่ง การทรงตัวในท่ายืนการพูด ลักษณะการเดิน และระยะทางการเดินต่อวัน เป็นต้น บางรายไม่ชอบการนวด เช่นกรณีศึกษาเตียงที่ 4 - 0602802 กล่าวว่า “ไม่ชอบการนวดกลัวเจ็บ” หลังได้รับการดูแลรักษาผู้ป่วยรู้สึกพึงพอใจ โดยรู้สึกดี ลดความทุกข์ทรมาน ทำให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ลดภาระการดูแลของผู้ดูแล ผู้ป่วยไม่เครียดเพราะมีคนมาพูดคุยด้วย การนวดไม่เจ็บสบาย โล่ง ดังคำกล่าวของกรณีศึกษาเตียงที่ 3 - 0413000 “เป็นโรคนี้แย่มากๆ เลยเขาทำให้มันโล่ง ตัวเนื้อเบาดี ถ้ามีโครงการนี้มาแต่แรกฉันหาย เดินได้แล้ว” -ประมาณการค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้ป่วยอัมพาตที่สูงวัยต่อเดือน รายการค่าใช้จ่าย | | กรณีพักรักษา ที่ โรงพยาบาล | - ค่าห้องพักและค่าอาหาร | | | - ค่ารักษาพยาบาล | | | - ค่าตอบแทนผู้ดูแล | | | - ค่าจ้างเหมารถ | | | ประมาณการเฉลี่ย/ ราย | | |
-การวิเคราะห์ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยการบริการ | | | 1. ต้นทุนค่าแรง 1.1 ค่าจ้าง แพทย์แผนไทย | | 8,134 | 1.2 ค่าจ้างผู้ช่วย แพทย์แผนไทย | 150 x 3 ครั้ง x 20 สัปดาห์ | 9,000 | 2. ต้นทุนค่าวัสดุ 2.1 ค่าลูกประคบ | 40 x 2 ลูก x 20 สัปดาห์ | 1,600 | 2.2 ค่าน้ำมันรถ | 4 x 4 ก.ม. x 3 ครั้ง x 20 สัปดาห์ | 960 | ต้นทุนเฉลี่ยต่อราย | 19,694 |
11.1 ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มตัวอย่าง -ความต่อเนื่องในการให้บริการและการและเมินผล 11.2ปัญหาและอุปสรรค - การได้รับความสนใจและความร่วมมือของกลุ่มผู้สูงอายุและญาติในครอบครัวที่ยังไม่สมัครใจเข้ารับการดูและ -การเดินทางไปบ้านผู้ป่วยในกรณีฤดูฝนเป็นอุปสรรค์ในการเดินทางไปบ้านผู้ป่วย 12.แผนพัฒนาต่อเนื่อง 1.มีการดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 2.มีการขยายกลุ่มตัวอย่างให้เกิดขึ้นคลอบคลุมจำนวนผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียทั้งหมด 13.ชื่อ บุคลากรหน่วยงานที่จัดทำ 1.นายอุเทน มุกเย นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ 2.นางศิริขวัญ บุญช่วย ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย 3.นางสาวชนัญชิดา ปิ่นแก้ว นักวิชาการสาธารณสุข
|