รพ.สามง่าม

ชื่อกระทู้: ด้านที่ 3 ด้านเกณฑ์การประเมินด้านอาคาร สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก [สั่งพิมพ์]

โดย: admin    เวลา: 2021-3-25 11:13
ชื่อกระทู้: ด้านที่ 3 ด้านเกณฑ์การประเมินด้านอาคาร สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก
ลำดับเกณฑ์การประเมินแนบไฟล์
AR
หมวดงานสถาปัตยกรรม
1
แผนพัฒนาและการวางผังโรงพยาบาล
1.1
มีแผนแม่บท  (แผนพัฒนาและวางผังโรงพยาบาลด้านอาคารและสภาพแวดล้อม)
1.2
มีผังบริเวณของโรงพยาบาลที่เป็นปัจจุบัน
2
ทางเข้า-ออกของโรงพยาบาล
     
   โรงพยาบาลของท่านมีถนนทางเข้า-ออกหลัก        เข้า-ออกคนละทาง   (ตอบข้อ2.2)       เข้า-ออกทางเดียวกัน  (ตอบข้อ2.3)    (หากไม่ประเมินข้อใดให้ไปกำหนดเป็น N/A)
  
2.1
ทางเข้า-ออกหลักของโรงพยาบาล  มีการแบ่งช่องทางสัญจรสำหรับยานพาหนะและผู้สัญจรทางเท้าอย่างชัดเจน
2.2
ทางเข้า-ออกหลักของโรงพยาบาล  สำหรับช่องทางเดินรถทางเดียว มีความกว้างไม่น้อยกว่า 3.50 เมตร
2.3
ทางเข้า-ออกหลักของโรงพยาบาล  สำหรับช่องทางเดินรถสองทาง เดินรถสวนกัน มีความกว้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร
3
ส่วนบริการของโรงพยาบาล
3.1
เข้าถึงแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินได้สะดวกรวดเร็ว
3.2
สะอาดเรียบร้อยปลอดภัยและอำนวยความสะดวก
3.3
มีสถานที่ให้บริการเป็นสัดส่วนและได้มาตรฐาน
3.4
มีบริเวณพักรอของผู้รับบริการที่เพียงพอ
3.5
มีสถานที่เอื้ออำนวยความสะดวกต่อผู้สูงอายุ  คนพิการและผู้เสื่อมสมรรถภาพทางกาย
3.6
ห้องผ่าตัดเล็ก  มีขนาดพื้นที่ห้องผ่าตัดเล็กไม่น้อยกว่า 12 ตารางเมตร  โดยส่วนที่แคบสุดไม่น้อยกว่า 3 เมตร
3.7
ห้องผ่าตัดเล็ก  มีความสูงของห้องผ่าตัดเล็กไม่น้อยกว่า 2.60 เมตร แต่ในกรณีที่ความสูงไม่ถึง  2.60 เมตร มีการตกแต่งทำฝ้าให้ต่ำลงมา  ต้องมีความสูงที่วัดจากพื้นห้องถึงฝ้าไม่ต่ำกว่า 2.45 เมตร  และมีพัดลมดูดอากาศหรือระบบระบายอากาศที่เหมาะสม
3.8
ห้องผ่าตัดใหญ่  มีขนาดพื้นที่ห้องผ่าตัดใหญ่ไม่น้อยกว่า 20 ตารางเมตร และความสูงไม่ต่ำกว่า 3  เมตร
3.9
ห้องผ่าตัดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอย  (แผนกผ่าตัด) ประกอบด้วย Staff Area, บริเวณรับคนไข้, Transfer Area,  บริเวณฟอกมือ เจ้าหน้าที่, Operation Rooms และ Recovery Rooms  เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
3.1
การแพทย์ฉุกเฉินและการส่งต่อ  มีสถานที่ให้บริการทางการ แพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน ตามเกณฑ์ที่กำหนด
3.11
จิตเวช  มีสถานที่ให้บริการคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและ/หรือ ความปลอดภัย  และเอื้อต่อกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพจิตของผู้มารับบริการและผู้ให้บริการ
3.12
เวชระเบียน จัดแบ่งเป็นสัดส่วน  ไม่เสี่ยงต่ออันตรายจากสัตว์ หรือปัจจัยทางกายภาพ  และมีพื้นที่เพียงพอที่จะเก็บเวชระเบียน ได้อย่างน้อย 5 ปี
4
ป้ายนำทาง ป้ายจราจร ป้ายชื่อโรงพยาบาล  ป้ายชื่ออาคาร
4.1
มีป้ายนำทางบอกทิศทางและระยะทางสู่โรงพยาบาล  ติดตั้งอยู่ บนถนนสาธารณะสายหลัก สายรอง และทางแยกในระยะที่เหมาะสม
4.2
มีป้ายจราจรภายในโรงพยาบาล  ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม สามารถมองเห็นได้ชัดเจน  (ประเมินเฉพาะบริเวณส่วนให้การรักษาพยาบาล)
4.3
มีป้ายบอกทางไปยังอาคาร/แผนกต่างๆ  มองเห็นได้ชัดเจน พร้อมระบบไฟส่องสว่างที่เหมาะสม
4.4
มีป้ายชื่อโรงพยาบาล  ป้ายชื่ออาคารที่เป็นหน่วยบริการสำคัญ ได้แก่ แผนกฉุกเฉิน แผนกผู้ป่วยนอก  เป็นต้น ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางวัน  และมีไฟส่องสว่างในเวลากลางคืน
5
ถนนภายในโรงพยาบาล
5.1
พื้นผิวเรียบและไม่มีน้ำขัง
5.2
บริเวณจุดตัดถนน  มีป้ายบอกทางชัดเจนและปราศจากสิ่งบดบังสายตา
6
ทางเดินเท้า
6.1
แบ่งขอบเขตของทางเดินเท้าออกจากเส้นทางจราจรของยานพาหนะอย่างชัดเจน
6.2
มีความกว้างไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร  ตลอดเส้นทาง
6.3
ในจุดที่เป็นทางข้ามถนนและมีความต่างระดับ  จะต้องทำทางลาดเอียง ให้สามารถนำเก้าอี้มีล้อ (Wheelchair) ผ่านได้โดยสะดวก  รวมทั้งต้องจัดให้มีป้ายเตือนผู้ขับขี่ยานพาหนะ ว่าเป็นทางข้ามสำหรับผู้เดินเท้า
7
ทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารสำหรับผู้ป่วย
7.1
มีทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารในทุกหน่วยบริการของโรงพยาบาล
7.2
มีความกว้างประมาณ 2.50 เมตร  เพื่อสะดวกต่อการเข็นเปลนอนผู้ป่วยสวนกันได้  และไม่มีสิ่งกีดขวางที่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจร
7.3
ติดตั้งราวกันตก สูงประมาณ 1.10 ม.
7.4
ติดตั้งราวจับ สูงประมาณ 0.80-0.90 ม.
7.5
มีหลังคาหรือสิ่งปกคลุมที่ป้องกันแดดและฝนตลอดแนว
8
ทางลาด สำหรับผู้ป่วย
8.1
กรณีที่ระดับพื้นอาคารมีความต่างระดับกันมากกว่า  2 เซนติเมตร จะต้องทำทางลาดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้รับบริการ
8.2
มีความกว้างไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร  ความลาดชัน 1:12 สามารถเข็นเก้าอี้มีล้อหรือเปลนอนผู้ป่วยได้สะดวกและ ปลอดภัย
8.3
ติดตั้งราวกันตก สูงประมาณ 1.10 เมตร
8.4
ติดตั้งราวจับ สูงประมาณ 0.80-0.90 เมตร
8.5
ทางลาดภายนอกต้องมีหลังคาหรือสิ่งปกคลุมที่ป้องกันแดดและฝนตลอดแนว
8.6
ห้องหรือแผนกที่ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยตั้งแต่ที่ชั้น  2 ขึ้นไป ต้องจัดให้มีทางลาดหรือลิฟท์ (BED LIFT)
9
ที่จอดรถยนต์และจักรยานยนต์
9.1
แยกพื้นที่จอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ออกจากแนวทางวิ่งของรถ  รวมทั้งแสดงเครื่องหมายทิศทางอย่างชัดเจน
9.2
มีที่จอดรถสำหรับผู้พิการอยู่ใกล้ทางเข้าอาคารผู้ป่วยนอก  และมีป้ายหรือเครื่องหมายแสดงอย่างชัดเจน
10
บริเวณรับ-ส่งผู้ป่วยหน้าอาคาร
10.1
มีความกว้างของถนนพอที่รถยนต์คันอื่น  สามารถผ่านไปได้ ขณะที่มีรถยนต์จอดรับ-ส่งผู้ป่วย
10.2
ระดับพื้นของบริเวณรับ-ส่งผู้ป่วย  ต้องอยู่ในระดับเดียวกับพื้นถนน ถ้าเป็นพื้นต่างระดับ ต้องมีทางลาดที่เหมาะสม
10.3
มีหลังคาหรือสิ่งปกคลุมที่สามารถป้องกันแดดและฝน
11
ห้องน้ำ-ส้วม สำหรับผู้รับบริการ
11.1
มีห้องน้ำ-ส้วม สำหรับผู้พิการ-ผู้สูงอายุ
11.2
มีราวพยุงตัวติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม
11.3
มีห้องน้ำสำหรับเด็กเล็ก  เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
12
บันไดหนีไฟ *** (รพ.ระดับ F ไม่ต้องประเมินข้อ  12.1-12.2)
12.1
มีความกว้างของบันได  และชานพักที่สะดวกต่อการใช้งานและไม่มีสิ่งกีดขวาง
12.2
มีตัวเลขระบุชั้นอยู่ภายในตัวบันไดที่มองเห็นได้ชัดเจน
IN
หมวดงานมัณฑนศิลป์
13
งานตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์ภายในอาคาร
13.1
อ่างล้างมือสำหรับแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่  ไม่ควรใช้ปะปนกับอ่างเทสิ่งสกปรกหรือล้างวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ  และก๊อกน้ำควรใช้ก๊อกน้ำชนิดไม่ใช้มือสัมผัส (ก๊อกน้ำชนิดก้านปัดด้วยข้อศอก  หรือเป็นแบบเซนเซอร์)
13.2
เคาน์เตอร์สำหรับพยาบาลเฝ้าระวังสังเกตการณ์  TOP เคาน์เตอร์ระดับบนไม่ควรสูงเกินกว่า 90 เซนติเมตร จากระดับพื้นห้อง  เพื่อไม่ให้บังสายตาในขณะเฝ้าดูผู้ป่วย
13.3
ห้องตรวจของแพทย์  มีอ่างล้างมือสำหรับแพทย์และเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 2 ห้องตรวจ ต่อ 1 อ่าง
13.4
เตียงผู้ป่วยควรมีม่านกั้นระหว่างเตียงผู้ป่วยเพื่อบังสายตาระหว่างการรักษา  และเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย
13.5
มีป้ายติดหน้าห้องหรือหน้าแผนกบริการ  ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
13.6
แผนกผู้ป่วยใน บริเวณตั้งเตียงผู้ป่วย  ควรมีระยะระหว่างเตียง ไม่น้อยกว่า 1 เมตร  และสามารถนำเปลเข็นเข้าเทียบเตียงผู้ป่วยได้โดยสะดวก
13.7
ห้องผ่าตัด  ควรมีอ่างฟอกมือติดกับห้องผ่าตัดอย่างน้อย 2 อ่างต่อ 1 ห้องผ่าตัด  และก๊อกน้ำควรใช้ก๊อกน้ำชนิดไม่ใช้มือสัมผัส เช่น  ก๊อกน้ำแบบใช้เข่าดันเปิด-ปิดน้ำ หรือแบบเซนเซอร์
13.8
แผนกเภสัชกรรม มีตู้หรือชั้นเก็บยา  เวชภัณฑ์ ที่เป็นสัดส่วน  และมีตู้แยกเก็บยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท  ที่มีกุญแจปิดอย่างมีประสิทธิภาพ
13.9
แผนกเภสัชกรรม มีสถานที่  และโต๊ะสำหรับเตรียมยา – ผสมยา แยกเป็นสัดส่วนจากที่จัดยา
13.1
มีห้องจ่ายยา  และจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเหมาะสม  (บริเวณจ่ายยา/ให้คำแนะนำผู้ป่วย/เก็บรักษายา/ผสมยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย)
13.11
มีตู้/ชั้นเก็บยาหรือเวชภัณฑ์ที่เพียงพอและเหมาะสม
13.12
มีสถานที่ให้คำปรึกษาแนะนำด้านยาที่เป็นสัดส่วน
13.13
กรณีมีการเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายในโรงพยาบาล  ให้มีสถานที่สำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
13.14
แผนกรังสีวินิจฉัย มีป้ายคำเตือน  “ผู้ป่วยมีครรภ์โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ”
13.15
มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับผู้ป่วยเป็นสัดส่วนและมิดชิด
13.16
การตรวจพิเศษทางรังสีวิทยาในระบบทางเดินอาหาร  ต้องมีห้อง สุขาติดกับห้องตรวจ
13.17
มีป้ายสัญลักษณ์แสดงเขตรังสีรักษาและไฟสัญญาณแสดงขณะใช้งานเครื่องกำเนิดรังสี
13.18
แผนกผู้ป่วยหนัก บริเวณตั้งเตียงผู้ป่วย  ควรมีระยะห่างระหว่างเตียงไม่น้อยกว่า 2 เมตร  เพื่อให้สามารถวางอุปกรณ์ช่วยชีวิตและสะดวกในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ***  (รพ.ระดับ F ไม่ต้องประเมินข้อ 13.18)
13.19
แผนกไตเทียม  มีสถานที่และเฟอร์นิเจอร์สำหรับพักคอยของญาติผู้ป่วย  โดยแยกเป็นสัดส่วนต่างหากจากบริเวณส่วนของผู้ป่วย *** (รพ.ระดับ F  ไม่ต้องประเมินข้อ 13.19)
13.2
แผนกไตเทียม  บริเวณตั้งเตียงผู้ป่วยมีระยะห่างระหว่างเตียงไม่น้อยกว่า 1.10  เมตรและความกว้างของทางเดินระหว่างปลายเตียงของสองฟากเตียงไม่น้อยกว่า 2 เมตร  *** (รพ.ระดับ F ไม่ต้องประเมินข้อ 13.20)
13.21
ห้องฟอกไตเทียม  มีขนาดของห้องบริการฟอกเลือดที่สัมพันธ์กับจำนวนเตียง  และอุปกรณ์และพื้นที่ใช้สอยเหมาะสมในการปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐาน  โดยมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่าสี่ตารางเมตรต่อหนึ่งจุดบริการ  โดยส่วนที่แคบที่สุดไม่น้อยกว่า 1.80 เมตร เพื่อให้มีพื้นที่สามารถช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินได้สะดวก
13.22
มีพื้นที่เตรียมน้ำบริสุทธิ์  พื้นที่ล้างตัวกรองแผนกบริการเทคนิคการแพทย์
13.23
มีสถานที่เก็บสิ่งส่งตรวจเหมาะสม  สะดวกต่อผู้รับบริการ
13.24
มีสถานที่ปฏิบัติเหมาะสมปลอดภัย  มีการแยกพื้นที่ปฏิบัติการเฉพาะ เช่น งานธนาคารเลือด งานจุลชีววิทยาคลินิก  เป็นต้น
13.25
มีการเก็บรักษาวัตถุหรือสารเคมีและสารไวไฟ  โดยจัดไว้เป็นหมวดหมู่ มีป้ายและฉลากแสดงถูกต้องครบถ้วน
13.26
แผนกบริการแพทย์แผนไทย  ห้องอบไอน้ำสมุนไพรรวมต้องแยกห้องให้บริการชาย-หญิง หรือถ้าไม่สามารถแยกได้  ต้องบริหารจัดการเวลาการให้บริการแก่ผู้รับบริการชาย-หญิงได้อย่างเหมาะสม
13.27
แผนกบริการแพทย์แผนไทย  ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า (ถ้ามี) ต้องมีขนาดตามเกณฑ์มาตรฐาน  โดยแยกห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชาย-หญิง แต่หากไม่สามารถแยกได้  ต้องบริหารจัดการเวลาการใช้ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของผู้รับบริการชาย-หญิงได้อย่างเหมาะสม
13.28
แผนกบริการแพทย์แผนจีน  เตียงสำหรับนวดหรือฝังเข็ม มีขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 0.70 เมตร  ความยาวไม่น้อยกว่า 1.80 เมตร ความสูงไม่ต่ำกว่า 0.70 เมตร  และระยะห่างระหว่างเตียงไม่น้อยกว่า 1 เมตร
13.29
แผนกบริการการแพทย์แผนจีน  เตียงต้องมีลักษณะมั่นคงแข็งแรงตามมาตรฐานการประกอบโรคศิลปะสาขาแพทย์แผนจีนกำหนด
LS
หมวดงานภูมิทัศน์
14
ภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อม
14.1
บริเวณพักผ่อน  มีพื้นที่รองรับเพียงพอต่อผู้ใช้บริการ มีความร่มรื่น สวยงาม สงบ  มีอากาศถ่ายเทที่ดี และเหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละวัย ทั้งเด็กและผู้สูงอายุ  ทั้งเด็กและผู้สูงอายุ
14.2
พื้นที่ระหว่างอาคาร มีการจัดภูมิทัศน์  ใช้พรรณไม้ที่ดูแลรักษา ง่าย หรือใช้วัสดุตกแต่งพื้นผิวซึมน้ำ (Porous Pavement)
14.3
มีการจัดทำแผนปฏิบัติการ เช่น  แผนการดูแลรักษาพืชพรรณไม้ แผนการแก้ไขน้ำท่วมขังบริเวณถนน-ทางเดินเท้า  แผนการดูแลรักษาความสะอาดไม่ให้มีเศษขยะ แผนการจัดให้มีถังขยะพอเพียง เป็นต้น
ST
หมวดงานโครงสร้าง
15
โครงสร้างอาคาร (ความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร)
15.1
มีแผนงานในการเฝ้าระวังให้อาคารมีสภาพพร้อมใช้งานและมั่นคงแข็งแรง
15.2
มีการตรวจสอบสภาพอาคารและบันทึกการตรวจสภาพอาคารพร้อมมีรายงานผลต่อหัวหน้าหน่วยงานหรือผู้บริหารโรงพยาบาล
15.3
มีการตรวจสอบอาคารตามที่กฎหมายกำหนด
EE
หมวดงานระบบไฟฟ้า
16
ระบบไฟฟ้ากำลัง
16.1
มีแผนผังระบบไฟฟ้ากำลัง  (แนวแรงสูงและแรงต่ำ ตำแหน่งหม้อแปลง ตำแหน่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า  แสดงการจ่ายไฟระบบไฟฟ้าภายนอกอาคาร)
16.2
แนวการปักเสาพาดสายไฟฟ้าเป็นระเบียบเรียบร้อยและปลอดภัย
16.3
บริเวณที่ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าแบบตั้งพื้นและนั่งร้านต้องมีที่  ว่างเพื่อปฏิบัติงาน และมีการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า  มีพื้นที่เพียงพอต่อการซ่อมบำรุงและรถซ่อมบำรุงสามารถเข้าถึงได้ มี  มีป้ายแจ้งเตือนระวังอันตรายไฟฟ้าแรงสูง
16.4
สายไฟฟ้ามีระยะห่างจากตัวอาคารที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายและมีความสูงจากผิวจราจรหรือทางเดินที่เหมาะสมโดยไม่กีดขวางและไม่เป็นอันตรายต่อบุคคลทั่วไป
16.5
มีกระแสไฟฟ้าจ่ายให้กับอุปกรณ์ที่ใช้กับผู้รับบริการอย่างเพียงพอตลอด  24 ชั่วโมง
16.6
มีการติดตั้งแผงจ่ายไฟฟ้าหลัก (ตู้ MDB)  อยู่ในห้องที่ทำด้วยวัสดุ มั่นคงแข็งแรง มีที่ว่างเพื่อปฏิบัติงาน  สามารถเข้าตรวจสอบและซ่อมบำรุงได้สะดวก มีป้ายแจ้งเตือนระวังอันตรายจากไฟฟ้า
16.7
ตู้สวิทช์ตัดตอน (PANEL BOARD)  มีที่ว่างเพื่อปฏิบัติงาน  สามารถเข้าตรวจสอบได้ง่ายและอยู่ในสภาพที่ยึดติดแน่นมั่นคงแข็งแรง
16.8
มีระบบการต่อลงดินของหม้อแปลงไฟฟ้า  และแผงจ่ายไฟฟ้าหลัก (ตู้ MDB)
16.9
มีระบบการต่อลงดินของแหล่งจ่ายไฟฟ้าแยกต่างหาก  เช่น เครื่อง กำเนิดไฟฟ้าสำรองฉุกเฉิน การติดตั้งต้องให้สอดคล้องกับ ATS 3P หรือ  ATS 4P
16.1
การต่อลงดินในพื้นที่ที่ไม่มีการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ไฟฟ้า  (กลุ่ม 0) และพื้นที่ที่มีการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ไฟฟ้า (กลุ่ม 1)  สายดินติดตั้งต้องเป็นแบบแยก (TN–S)
16.11
การต่อลงดินในพื้นที่ที่มีการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ไฟฟ้า  (กลุ่ม 2) (ยกเว้นกลุ่ม 1) เช่น บริเวณห้องผ่าตัด,ห้อง ICU ฯลฯ ซึ่งการ  จ่ายไฟฟ้าที่ไม่ต่อเนื่องสามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้  สายดินติดตั้งเป็นแบบแยกออกจากระบบ (IT)
17
ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง
17.1
ภายนอกอาคารมีการติดตั้งเสาไฟฟ้าแสงสว่างหรือดวงโคมที่ให้ความสว่างในเวลากลางคืนได้อย่างพอเพียง  สภาพของเสาไฟฟ้าและดวงโคมมีการติดตั้งอย่างมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย
17.2
ภายในอาคารมีค่าความเข้มของแสงสว่างพอเพียงและเหมาะสมต่อพื้นที่ใช้งาน
17.3
ภายนอกอาคารมีอุปกรณ์ป้องกันการใช้กระแสไฟฟ้าเกินและป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว
18
ระบบไฟฟ้าสำรองฉุกเฉิน
18.1
มีระบบไฟฟ้าสำรองฉุกเฉินในการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าต้องสามารถจ่ายไฟใช้งานภายใน  10 วินาที ภายหลังระบบไฟฟ้ากำลังหลักหยุดทำงาน
18.2
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองต้องอยู่ในที่มิดชิด  โดยอาจอยู่ภายในอาคารหลักหรืออยู่เป็นอาคารแยกต่างหาก  มีการป้องกันแรงสั่นสะเทือนและเสียงจากเครื่อง  มีประตูทางเข้าออกสะดวกและกว้างเพียงพอต่อการเคลื่อนย้ายหรือซ่อมบำรุง  โดยมีระยะห่างโดยรอบจากเครื่องกับผนังไม่น้อยกว่า 1 เมตร
18.3
มีการทดสอบการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองเป็นประจำและมีน้ำมันสำรองสำหรับการเดินเครื่องอย่างเพียงพอไม่น้อยกว่า  8 ชั่วโมง
18.4
ภายในอาคารที่ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง  ต้องมีการระบายอากาศที่ดีและสะอาด  มีแสงสว่างเพียงพอในการตรวจสอบการทำงานของเครื่อง
18.5
ต้องมีรางระบายน้ำภายในห้องเครื่องในตำแหน่งที่เหมาะสม  หรือรอบแท่นเครื่องสำหรับการระบายน้ำเวลาที่ทำความสะอาดพื้น
18.6
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าต้องมีขนาดกำลังที่เหมาะสมและเพียงพอสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าสำรองให้กับดวงโคมและอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นในแผนกอุบัติเหตุ  ห้องผ่าตัด หอผู้ป่วยหนัก ห้องคลอด และธนาคารเลือดเป็นอย่างน้อย
18.7
มีเครื่องสำรองไฟฟ้าฉุกเฉิน (UPS)  จ่ายให้กับอุปกรณ์ทางการ แพทย์ที่สำคัญสำหรับวงจรช่วยชีวิตซึ่งไม่สามารถหยุดได้  มีการใช้อย่างต่อเนื่องเพียงพอและเหมาะสม โดยอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน
18.8
บันไดทางหนีไฟทางสัญจรห้องเครื่องและหน่วยบริการอื่นๆ  ต้องมีระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉินซึ่งใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพิ่มเติม  ตามความเหมาะสมตามมาตรฐานระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉินและ โคมไฟป้ายทางออกฉุกเฉินของ  วสท.
18.9
ระบบนำทางเรืองแสงเพื่อการอพยพหนีภัย  (ถ้ามี) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการอพยพหนีภัย  เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินให้แก่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและประชาชนตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด
19
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้
19.1
มีการติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ในทุกชั้นของอาคาร  ประกอบด้วยอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่สามารถส่งเสียงหรือสัญญาณ  ให้ผู้ที่อยู่ภายในอาคารได้ยินหรือทราบอย่างทั่วถึง  โดยการควบคุมด้วยมือหรือด้วยระบบอัตโนมัติในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น โถงพักรอ  ห้องพักผู้ป่วย ห้องทำงาน เป็นต้น
20
ระบบป้องกันการเข้า-ออก
20.1
มีการติดตั้งระบบป้องกันการเข้าออก  เพื่อป้องกันการเข้าถึงในสถานที่เฉพาะที่ต้องการความปลอดภัย
20.2
มีระบบหรือวิธีการรักษาความปลอดภัยของพยาบาลใน  nurse station
21
ระบบป้องกันแรงดันและกระแสเกิน
21.1
มีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันแรงดันและกระแสเกินที่แผงจ่ายไฟฟ้าหลัก  (ตู้ MDB) เพื่อป้องกันแรงดันและกระแสไฟเกินที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ฟ้าผ่า,  สวิทต์ชิ่ง, การลัดวงจร เป็นต้น
SN
หมวดงานระบบประปาและสุขาภิบาล
22
ระบบประปา
22.1
มีแผนผังประปา
22.2
มีระบบจ่ายน้ำที่สะอาดไม่ปนเปื้อนสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ  ไม่มีการรั่วซึมและมีแรงดันเพียงพอต่อการใช้งาน
22.3
มีการสำรองน้ำประปา
22.4
ถังเก็บน้ำสำรองต้องมีฝาถังปิดมิดชิด  มีกุญแจล็อค ป้องกันสัตว์ แมลงและคนตกลงไปในถัง
22.5
ระบบสำรองน้ำประปาจะต้องไม่รั่วซึมและติดตั้งในสถานที่เหมาะสม  ไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนต่อคุณภาพน้ำประปา เช่น ระดับฝาถังเก็บน้ำใต้ดิน  ต้องสูงกว่าระดับรางระบายน้ำฝนทั่วไป โดยสำรองน้ำไว้ใช้ได้อย่างน้อย 2 วัน
22.6
มีระบบการทำน้ำบริสุทธิ์ที่ได้มาตรฐาน  (Water Treatment System) เช่น Reverse Osmosis, Deionizer)  พร้อมเกณฑ์การทำความสะอาดระบบน้ำและควบคุมคุณภาพของน้ำบริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา
23
ระบบระบายน้ำและระบบสุขาภิบาล
23.1
มีผังระบบระบายน้ำ และระบบสุขาภิบาล
23.2
มีระบบระบายน้ำฝนจากอาคารสู่แหล่งระบายน้ำสาธารณะ
23.3
มีการแยกประเภทสำหรับท่อต่างๆ
23.4
มีระบบสุขาภิบาลห้องปฏิบัติการ
ME
หมวดงานระบบเครื่องกล
24
ลิฟท์ *** (รพ.ระดับ F ไม่ต้องประเมินข้อ  24.1-24.6)
24.1
มีการแยกประเภทของลิฟต์ตามการใช้งาน  ได้แก่ ลิฟต์โดยสาร , ลิฟต์ขนของ , ลิฟต์สำหรับพนักงานดับเพลิง
24.2
มีขนาดและจำนวนเพียงพอต่อการใช้งาน
24.3
บริเวณโถงหน้าลิฟต์บรรทุกเตียงคนไข้  ต้องมีพื้นที่สามารถเข็นเปลนอนสวนกันได้
24.4
กำหนดให้มีลิฟต์สำหรับผู้พิการและทุพพลภาพสามารถใช้งานได้
24.5
บริเวณโถงหน้าลิฟต์และภายในห้องโดยสาร  ต้องสะอาด มีระบบระบายอากาศและแสงสว่างภายในห้องโดยสารที่เหมาะสม
24.6
กรณีไฟฟ้าดับ จัดให้มีระบบ ARD (Automatic  Rescue Device)  เพื่อให้ลิฟท์สามารถเคลื่อนไปเทียบยังชั้นที่ใกล้ที่สุดและประตูลิฟท์จะต้องเปิดออกทันที
25
ระบบระบายอากาศและปรับอากาศ
25.1
พื้นที่ให้บริการและพื้นที่ปฏิบัติงาน  ต้องมีอากาศที่สะอาดจากภายนอกเติมเข้าสู่พื้นที่บริการ/ปฏิบัติงาน  ให้ได้อัตราการถ่ายเทอากาศที่เหมาะสม ทั้งโดยวิธีธรรมชาติหรือวิธีกล
25.2
มีการควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของอากาศในบริเวณห้องตรวจ
25.3
มีระบบควบคุมการติดเชื้อที่ได้มาตรฐาน
25.4
ห้องตรวจผู้ป่วยที่แสดงอาการโรคติดเชื้อทางอากาศ  ต้องมีการควบคุมแรงดันอากาศ





ยินดีต้อนรับสู่ รพ.สามง่าม (http://www.samngamhos.go.th/) Powered by Discuz! X3.1